วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ส้มตำไทยผลไม้รวม


สูตรส้มตำไทยผลไม้รวม

ตำไทยผลไม้รวมนั้น นิยมเรียกกันอีกแบบคือ ตำผลไม้ ซึ่งเป็นนำผลไม้รสเปรี้ยวหวาน มาคลุกเคล้านำยำ ให้รสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดเค็ม

ส่วนผสมสำหรับตำไทยผลไม้รวม
1.ถั่วผักยาวเด็ดเป็นท่อนสั้นๆ  1 ฝัก
2.กระเทียมไทย 6 กลีบ
3.กุ้งแห้งดี 1 ช้อนโต๊ะ
4.พริกขี้หนูสวน 4 เม็ด
5.น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
6.เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
9. มะเขือเทศ 2 ลูก
10. ฝรั่งหิ้นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 4 ชิ้น
11. แอปเปิ้ลแดงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ลูก
12. เนื้อส้มโอ 5 ชิ้น
13. แก้วมังกรหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใหญ่ 5 ชิ้น
14. องุ่นแดง 5 ลูก
15. ชมพู่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  5 ชิ้น

วิธีทำ
1. โขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูพอแตก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว  คลุกเคล้าจนเข้ากันดีนีดแล้วจึงใส่ถั่วฝักยาวลงโขลกเบาๆ
2. ตักใส่ชามผลม แล้านำผลไม้ที่เตรียมไว้ รวมทั้ง มะเขือเทศและกุ้งแห้ง เคล้าผสมจนเข้ากันดี ชิมรสตามชอบ
3. ตักส้มตำไทยผลไม้ใส่จาน โรยหน้าด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ รับประทานกับผักสด

ที่มา
http://papayathai.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การทำแคบหมู

การทำแคบหมู

การทำแคบหมู

แคบหมูเป็นอาหารสำเร็จรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องนำหนังหมูมาผ่านการทำให้พองตัว การบริโภคแคบหมูอาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น ชาวไทยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจนำมาบริโภคในรูปของอาหารคาวโดยตรง ใช้เป็นเครื่องจิ้มกับน้ำพริกต่าง ๆ หรือรับประทานร่วมกับขนมจีนน้ำเงี้ยว ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวไทยภาคเหนือ นอกจากนี้ยังสามารถนำแคบหมูมาบริโภค เป็นกับแกล้มสำหรับเครื่องดื่มประเภทสุราหรือเบียร์การผลิตแคบหมูโดยทั่วไปจะเริ่มจากการเปลี่ยนคอลลาเจน (collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนใหญ่ในหนังหมู โดยเฉพาะบริเวณหนังชั้นใน (dermis หรือ corium) ให้เป็นเจลาติน (gelatin) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สามารถกักเก็บความชื้นเอาไว้ภายใน การเปลี่ยนคอลลาเจนเป็นเจลาตินนี้ จะต้องใช้ความร้อนชื้น (moist heat) เช่น การต้มหนังหมูในน้ำเดือดจนหนังหมูเหล่านั้นสุก ต่อมาจะต้องทำให้ผิวหน้าของหนังหมูเกิดความแข็ง (case hardening) ขึ้น โดยการเคี่ยว (rendering) หนังหมูในน้ำมันที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก นอกจากนี้การเคี่ยวยังเป็นการลดความชื้นของหนังหมูลงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้หนังหมูมีความชื้นภายในที่เหมาะสม สำหรับการพองตัว การทำให้ผิวหนังของหนังหมูมีความแข็ง เพียงพอที่สามารถทนต่อแรงดันที่เกิดขึ้นในขณะทอดให้พองตัว ทำให้โครงสร้างของแคบหมูไม่ยุบตัวลงมากในระหว่างการทอดให้พองตัว นอกจากนี้การทำให้ผิวหน้าของหนังหมูแข็งตัวอย่างพอเหมาะ จะมีผลต่อความกรอบของแคบหมูด้วยผู้ผลิตแคบหมูบางรายอาจนำหนังหมูที่ผ่านการต้มให้สุกแล้วมาผึ่งแดดให้แห้ง ก่อนการเคี่ยวเพราะเจลาตินที่เกิดขึ้นในระหว่างการต้มหนังหมูนั้น มีลักษณะเหนียวเมื่อมีความชื้นสูง แต่ความเหนียวของเจลาตินจะลดลงเมื่อยู่ในสภาพที่มีความชื้นต่ำ และการทำให้หนังหมูแห้งลงก่อนการเคี่ยวจะเป็นการป้องกันการกระเด็นของน้ำมันในขณะเคี่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อเคี่ยวจนผิวหน้าของหนังหมูแข็งตัวแล้ว จะนำหนังหมูไปทอดให้พองตัวในน้ำมันที่ร้อนจัด เพราะในขณะทอดจะทำให้ไอน้ำที่ถูกกักไว้ในเจลาตินเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเกิดแรงดันขึ้นภายในหนังหมู ทำให้หนังหมูพองตัวได้

วิธีการ การทำแคบหมูโดยทั่วๆ ไป อาจทำได้โดย

ล้างหนังหมูให้สะอาด ขูดขนออกจากหนังหมูให้เกลี้ยงด้วยมีดโกน

หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 x 2 เซนติเมตร

ต้มหนังหมูในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที

อบที่อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานประมาณ 8 ชั่วโมง หรือตากแดด

ประมาณ 2 วันให้แห้งสนิท

นำหนังหมูมาเคี่ยวในน้ำมันที่อุณหภูมิประมาณ 60-80 องศาเซลเซียส ราว 5 ชั่วโมง

ตักหนังหมูขึ้นจากน้ำมัน

เพิ่มอุณหภูมิของน้ำมันขึ้นเป็น 200 องศาเซลเซียส

ทอดหนังหมูในน้ำมันนานประมาณ 2 นาที

ตักแคบหมูขึ้นซับน้ำมัน และชั่งน้ำหนักของแคบหมูที่ได้

เก็บในภาชนะบรรจุที่ป้องกันความชื้น อากาศและแสง

ที่มา http://coursewares.mju.ac.th/ft470/cp/cp_011.html

หมูทอด

เครื่องปรุง
1. หมูสามชั้น หั่นแล้ว 1 เส้น
2. กระเทียมสดสับละเอียด 9 กลีบ
3. พริกไทยบ่น 2 ชต.
4. ซอสปรุงรส 3 ชต.
5. ซีอิ๊วขาว 2 ชต.
6. น้ำมันหอย 2 ชต.

แป้งสำหรับชุบทอด

- แป้งสาลี 1 ส่วน
- แป้งข้าวเจ้า 1/2 ส่วน




ส่วนผสม





แป้งสำหรับชุบทอด ใช้ 2 อย่างครับ

แป้งสาลี + แป้งข้าวเจ้า

สัดส่วน 2 : 1 




เอาหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้น ใหญ่หน่อย

แล้วเอาส้อมจิ้มๆๆๆๆๆ ทิ่มๆๆๆๆๆๆๆ ให้ทั่ว





สับกระเทียม

เอาส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นแป้ง คลุกๆขยำๆ ให้ทั่ว


แล้วเอาไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา ทิ้งไว้ 1 คืน





ก่อนจะทอด แบ่งแป้งเป็น 2 ชุด

ชุดแรก = สำหรับชุบแห้ง 





ชุดสอง = ชุบเปียก

เอาน้ำหมักหมูที่เหลือใน ชาม มาผสมน้ำเย็นจัดๆ 





เอาหมูไปชุบแห้งก่อน แล้วค่อยชุบเปียก

ส่งลง ทอด



ออกมาแว้ววว 




ถ้าทำถูกต้องตามกระบวนท่าต่างๆแล้ว เราก็จะได้หมูทอดที่กรอบ อร่อย






ครับกระทู้นี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ ส่วนตัวผมได้ลองทำแล้วต้องบอกว่าหมูกรอบมว๊ากๆ ลองไปทำๆกันดูนะครับ



เครดิต : blame me ห้องก้นครัว และ ksmecare1 youtube