วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ส้มตำไทยผลไม้รวม


สูตรส้มตำไทยผลไม้รวม

ตำไทยผลไม้รวมนั้น นิยมเรียกกันอีกแบบคือ ตำผลไม้ ซึ่งเป็นนำผลไม้รสเปรี้ยวหวาน มาคลุกเคล้านำยำ ให้รสชาติเปรี้ยวหวานเผ็ดเค็ม

ส่วนผสมสำหรับตำไทยผลไม้รวม
1.ถั่วผักยาวเด็ดเป็นท่อนสั้นๆ  1 ฝัก
2.กระเทียมไทย 6 กลีบ
3.กุ้งแห้งดี 1 ช้อนโต๊ะ
4.พริกขี้หนูสวน 4 เม็ด
5.น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
6.เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1 ช้อนโต๊ะ
7.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
9. มะเขือเทศ 2 ลูก
10. ฝรั่งหิ้นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 4 ชิ้น
11. แอปเปิ้ลแดงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ลูก
12. เนื้อส้มโอ 5 ชิ้น
13. แก้วมังกรหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าใหญ่ 5 ชิ้น
14. องุ่นแดง 5 ลูก
15. ชมพู่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  5 ชิ้น

วิธีทำ
1. โขลกกระเทียมกับพริกขี้หนูพอแตก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว  คลุกเคล้าจนเข้ากันดีนีดแล้วจึงใส่ถั่วฝักยาวลงโขลกเบาๆ
2. ตักใส่ชามผลม แล้านำผลไม้ที่เตรียมไว้ รวมทั้ง มะเขือเทศและกุ้งแห้ง เคล้าผสมจนเข้ากันดี ชิมรสตามชอบ
3. ตักส้มตำไทยผลไม้ใส่จาน โรยหน้าด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ รับประทานกับผักสด

ที่มา
http://papayathai.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2556

การทำแคบหมู

การทำแคบหมู

การทำแคบหมู

แคบหมูเป็นอาหารสำเร็จรูปชนิดหนึ่ง ซึ่งต้องนำหนังหมูมาผ่านการทำให้พองตัว การบริโภคแคบหมูอาจทำได้หลายรูปแบบ เช่น ชาวไทยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาจนำมาบริโภคในรูปของอาหารคาวโดยตรง ใช้เป็นเครื่องจิ้มกับน้ำพริกต่าง ๆ หรือรับประทานร่วมกับขนมจีนน้ำเงี้ยว ซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของชาวไทยภาคเหนือ นอกจากนี้ยังสามารถนำแคบหมูมาบริโภค เป็นกับแกล้มสำหรับเครื่องดื่มประเภทสุราหรือเบียร์การผลิตแคบหมูโดยทั่วไปจะเริ่มจากการเปลี่ยนคอลลาเจน (collagen) ซึ่งเป็นโปรตีนส่วนใหญ่ในหนังหมู โดยเฉพาะบริเวณหนังชั้นใน (dermis หรือ corium) ให้เป็นเจลาติน (gelatin) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่สามารถกักเก็บความชื้นเอาไว้ภายใน การเปลี่ยนคอลลาเจนเป็นเจลาตินนี้ จะต้องใช้ความร้อนชื้น (moist heat) เช่น การต้มหนังหมูในน้ำเดือดจนหนังหมูเหล่านั้นสุก ต่อมาจะต้องทำให้ผิวหน้าของหนังหมูเกิดความแข็ง (case hardening) ขึ้น โดยการเคี่ยว (rendering) หนังหมูในน้ำมันที่อุณหภูมิไม่สูงมากนัก นอกจากนี้การเคี่ยวยังเป็นการลดความชื้นของหนังหมูลงอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้หนังหมูมีความชื้นภายในที่เหมาะสม สำหรับการพองตัว การทำให้ผิวหนังของหนังหมูมีความแข็ง เพียงพอที่สามารถทนต่อแรงดันที่เกิดขึ้นในขณะทอดให้พองตัว ทำให้โครงสร้างของแคบหมูไม่ยุบตัวลงมากในระหว่างการทอดให้พองตัว นอกจากนี้การทำให้ผิวหน้าของหนังหมูแข็งตัวอย่างพอเหมาะ จะมีผลต่อความกรอบของแคบหมูด้วยผู้ผลิตแคบหมูบางรายอาจนำหนังหมูที่ผ่านการต้มให้สุกแล้วมาผึ่งแดดให้แห้ง ก่อนการเคี่ยวเพราะเจลาตินที่เกิดขึ้นในระหว่างการต้มหนังหมูนั้น มีลักษณะเหนียวเมื่อมีความชื้นสูง แต่ความเหนียวของเจลาตินจะลดลงเมื่อยู่ในสภาพที่มีความชื้นต่ำ และการทำให้หนังหมูแห้งลงก่อนการเคี่ยวจะเป็นการป้องกันการกระเด็นของน้ำมันในขณะเคี่ยวได้เป็นอย่างดี เมื่อเคี่ยวจนผิวหน้าของหนังหมูแข็งตัวแล้ว จะนำหนังหมูไปทอดให้พองตัวในน้ำมันที่ร้อนจัด เพราะในขณะทอดจะทำให้ไอน้ำที่ถูกกักไว้ในเจลาตินเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และเกิดแรงดันขึ้นภายในหนังหมู ทำให้หนังหมูพองตัวได้

วิธีการ การทำแคบหมูโดยทั่วๆ ไป อาจทำได้โดย

ล้างหนังหมูให้สะอาด ขูดขนออกจากหนังหมูให้เกลี้ยงด้วยมีดโกน

หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 1 x 2 เซนติเมตร

ต้มหนังหมูในน้ำเดือดประมาณ 15 นาที

อบที่อุณหภูมิประมาณ 60-70 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานประมาณ 8 ชั่วโมง หรือตากแดด

ประมาณ 2 วันให้แห้งสนิท

นำหนังหมูมาเคี่ยวในน้ำมันที่อุณหภูมิประมาณ 60-80 องศาเซลเซียส ราว 5 ชั่วโมง

ตักหนังหมูขึ้นจากน้ำมัน

เพิ่มอุณหภูมิของน้ำมันขึ้นเป็น 200 องศาเซลเซียส

ทอดหนังหมูในน้ำมันนานประมาณ 2 นาที

ตักแคบหมูขึ้นซับน้ำมัน และชั่งน้ำหนักของแคบหมูที่ได้

เก็บในภาชนะบรรจุที่ป้องกันความชื้น อากาศและแสง

ที่มา http://coursewares.mju.ac.th/ft470/cp/cp_011.html

หมูทอด

เครื่องปรุง
1. หมูสามชั้น หั่นแล้ว 1 เส้น
2. กระเทียมสดสับละเอียด 9 กลีบ
3. พริกไทยบ่น 2 ชต.
4. ซอสปรุงรส 3 ชต.
5. ซีอิ๊วขาว 2 ชต.
6. น้ำมันหอย 2 ชต.

แป้งสำหรับชุบทอด

- แป้งสาลี 1 ส่วน
- แป้งข้าวเจ้า 1/2 ส่วน




ส่วนผสม





แป้งสำหรับชุบทอด ใช้ 2 อย่างครับ

แป้งสาลี + แป้งข้าวเจ้า

สัดส่วน 2 : 1 




เอาหมูสามชั้น มาหั่นเป็นชิ้น ใหญ่หน่อย

แล้วเอาส้อมจิ้มๆๆๆๆๆ ทิ่มๆๆๆๆๆๆๆ ให้ทั่ว





สับกระเทียม

เอาส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นแป้ง คลุกๆขยำๆ ให้ทั่ว


แล้วเอาไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา ทิ้งไว้ 1 คืน





ก่อนจะทอด แบ่งแป้งเป็น 2 ชุด

ชุดแรก = สำหรับชุบแห้ง 





ชุดสอง = ชุบเปียก

เอาน้ำหมักหมูที่เหลือใน ชาม มาผสมน้ำเย็นจัดๆ 





เอาหมูไปชุบแห้งก่อน แล้วค่อยชุบเปียก

ส่งลง ทอด



ออกมาแว้ววว 




ถ้าทำถูกต้องตามกระบวนท่าต่างๆแล้ว เราก็จะได้หมูทอดที่กรอบ อร่อย






ครับกระทู้นี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้นะครับ ส่วนตัวผมได้ลองทำแล้วต้องบอกว่าหมูกรอบมว๊ากๆ ลองไปทำๆกันดูนะครับ



เครดิต : blame me ห้องก้นครัว และ ksmecare1 youtube  

แกงอ่อมเนื้อ




แกงอ่อมเนื้อ (เนื้อควาย เนื้อหมู) 
เครื่องปรุง / ส่วนผสม
๑.เนื้อควาย     ๑/๒    กิโลกรัม
๒. เครื่องใน (ตับ ไต หัวใจ)    ๑/๒     กิโลกรัม 
๓. พริกแห้ง      ๙     เม็ด
๔. ข่า     ๕     แว่น
๕. หัวหอม      ๕      หัว
๖. กระเทียม     ๒     หัว
๗. มะแขว่น (เครื่องเทศเมืองเหนือ)   ๑   ช้อนชา
๘. ปลาร้า      ๑      ช้อนโต๊ะ
๙. ลูกผักชี     ๑      ช้อนชา
๑๐. รากผักชี      ๕     ราก
๑๑. กะปิ     ๑     ช้อนชา
๑๒. เกลือ      ๑/๒    ช้อนชา
๑๓. น้ำปลา
ขั้นตอน / วิธีทำ
นำพริกแห้ง   หัวหอม กะเทียม    ข่า(หั่นเป็นแว่น)   ตะไคร้(หั่น) กะปิ ปลาร้า ใส่ลงในครกโขลกรวมกัน  ใส่รากผักชี และเม็ดผักชี พอให้มีกลิ่นหอม      ส่วนเนื้อสัตว์หั่นเป็นชิ้น ๆ พักไว้    เมื่อเตรียมเครื่องแกงเรียบร้อยแล้ว เอาน้ำมันหมูใส่กระทะตั้งไฟพอร้อน   นำเครื่องแกงลงผัดพร้อมด้วยเนื้อสัตว์คนให้เข้ากันดี ใช้ไฟร้อนกลาง ๆ แล้วเติมน้ำลงไปพอสมควรแล้วเคี่ยวต่อไปจนเนื้อนุ่ม   เมื่อได้ที่แล้วใส่ใบมะกรูดหั่น หรือฉีกใส่ลงพร้อมกับผักชีฝรั่งหั่นเป็น ท่อนสั้น ๆ    เพื่อให้มีกลิ่นหอม 

เทคนิคในการทำ (เคล็ดลับ)

๑.   แกงอ่อม วัวควาย   ผู้ที่ชอบรสขมอาจใส่น้ำดี หรือน้ำเพี้ย(กากอาหารที่ค้างในลำไส้วัวควาย) ลงไปด้วยก็ได้       แกงอ่อมนี้หากจะเพิ่ม
๒. ใส่ใบโกสนลงไป เพื่อให้มีรสหวานเล็กน้อย 
๓. แกงอ่อมนี้    หากแกงใส่ฟักหม่น (ฟักเขียว)   หรือหยวกกล้วย(ลำต้นของกล้วย) ลงไป   ก็จะ กลายเป็นแกงฟักหม่น   หรือแกงหยวกกล้วย
๔. คำ ว่า "อ่อม"   ของภาคเหนือ     ก็หมายถึงการเคี่ยวไฟอ่อนๆ รุมๆ จนเนื้อสัตว์นุ่มเปื่อย    ฉะนั้น เวลาทำแกงอ่อมจะต้องใช้เวลา ประมาณ ๕๐ – ๖๐ นาที ในการเคี่ยวเนื้อให้นุ่มเปื่อย    เมื่อได้ที่แล้วทำให้รสกลมกล่อม

ที่มา http://thaifood.m-culture.go.th/

วันเสาร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ยำจิ้นไก่


เครื่องปรุง
-ไก้ต้ม ฉีกเป็นชิ้น  1 ถ้วย
-เห็ดฟางผ่าครึ่ง ต้มสุก  1 ถ้วย
-หัวปลีต้ม ฉีกเป็นชิ้น  1 ถ้วย
-ข่าเผา ซอย  1 ช้อนชา
-ตะไคร้เผา ซอย  1 หัว
-หอมแดงเผา ซอย  1 หัว
-กระเทียมเผา  3 หัว
-พริกแห้งเผา  5 เม็ด
-ผักชี ซอย  2 ช้อนโต๊ะ
-ต้นหอม ซอย  2 ช้อนโต๊ะ
-ผักไผ่ ซอย  2 ช้อนโต๊ะ
-ผักชีฝรั่งซอย  2 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ ยำจิ๊นไก่
1.โขลกดีปลี เม็ดผักชีคั่ว และพริกขี้หนูแห้งคั่ว รวมกันให้ละเอียด
2.เจียวกระเทียมกับน้ำมัน ใส่กะปิและปลาร้า เครื่องแกงลงผัดให้หอม
3.ใส่น้ำต้มไก่ พอเดือด ใส่หอมแดงซอย ใส่เนื้อไก่ฉีก
4.โรยด้วยผักชีฝรั่ง ผักชีต้นหอม ผักไผ่ และสะระแหน่

ที่มาhttp://northaifood.blogspot.com

ข้าวซอย

ข้าวซอย อาหารยอดนิยมอีกหนึ่งเมนูจากภาคเหนือของเรานั้นเอง บะหมี่ที่ลวกกำลังดีในน้ำซุปเครื่องแกงที่รสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ ที่ยากจะอดใจไหว ทานกับเครื่องเคียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดดอง หอมแดง มะนาว รับรองว่าเมนูนี้ถูกปากทุกคนแน่นอน สูตรข้าวซอยไก่ สูตรข้าวซอยเนื้อล้วนแล้วแต่มีวิธีการทำที่ใกล้เคียงกัน มาเริ่มทำกันเลยค่ะ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงข้าวซอย
1. เนื้อสัตว์ 1/2 กิโลกรัม (เลือกได้ตามความต้องการค่ะ ในที่นี้ใช้เนื้อวัวค่ะ)
2. บะหมี่ (เขย่าแป้งนวลออกให้หมด) 5 ก้อน
3. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
4. เกลือป่น 2 ช้อนชา
5. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
6. กะทิ (หัว 2 ถ้วย หาง 4 ถ้วย) 500 กิโลกรัม
7. น้ำตาล 2-3 ช้อนชา
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงเครื่องแกงข้าวซอย
8. ชะโก – ลูกเฉาก๊วย (แกะเปลือกคั่ว) 3 ลูกใหญ่
9. ขิง (ซอย-คั่ว) 1 ช้อนโต๊ะ
10. พริกแห้งเม็ดใหญ่ (แกะเม็ด-หั่นชิ้นเล็ก-คั่ว) 2 เม็ด
11. เกลือป่น 1 ช้อนชา
12. ลูกผักชี (คั่ว) 2 ช้อนโต๊ะ
13. หอมแดง (หั่น-คั่ว) 1/2 ถ้วย
14. ขมิ้นชัน (ซอย-คั่ว) 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนประกอบและเครื่องปรุงเครื่องเคียงข้าวซอย
15. ผักกาดดอง (ล้าง-ใช้ส่วนก้านกันเป็นชิ้นเล็กๆ) 1 ถ้วย
16. หอมแดง (ผ่าสี่ ถ้าหัวใหญ่ตัดครึ่ง) 1 ถ้วย
17. พริกป่นผัดน้ำมัน 4 ช้อนโต๊ะ
ขั้นตอนและวิธีทําข้าวซอย
1. นำส่วนประกอบของเครื่องแกงคั่วรวมกัน (ชะโก คั่วลูกผักชี ขิง พริกแห้ง หอม ขมิ้นคั่วรวมกัน)
2. จากนั้นโขลกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
3. นำหม้อใส่หางกะทิตั้งไฟ หมั่นคนเสมอ พอเดือด ใส่เกลือ และเนื้อลงไป รอให้เดือด จากนั้นหรี่ไฟเคี่ยวต่อให้นุ่ม
4. จากขั้นตอนที่ 3 ให้ช้อนกะทิลอยหน้าออก 1/4 ถ้วย ใส่ลงในกะทะตั้งไฟ ใส่เครื่องแกงที่โขลกลงไป ผัดจนหอม
5. เทเครื่องแกงที่ผัดจนหอมใส่หม้อต้มเนื้อ รอดูให้เนื้อเปื่อย จึงเติมหัวกะทิ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ (ชิมรสถ้าอ่อนให้เติมด้วยเกลือ)
6. ลวกเส้นบะหมี่ 4 ก้อน ในน้ำเดือดให้นุ่ม นำไปผ่านน้ำเย็น ยกขึ้นสะเด็ดน้ำ จะได้เส้นที่เหนียวนุ่มขึ้น
7. อีก 1 ก้อน นำไปทอดในน้ำมัน ให้เหลืองกรอบ ประมาณ 3-5 วินาที ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน พอเย็นแล้วใส่เก็บใส่หม้อปิดฝาเพื่อให้กรอบ ไม่เหนียว
8. สุดท้ายนำบะหมี่ลวกใส่ชามแกง วางหมี่กรอบข้างบน ตักน้ำแกงใส่ถ้วยแยกวางบนจานรอง เสริฟพร้อม หอมแดง ผักกาดดอง พริกผัดน้ำมัน เป็นอันเสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน
                      
ขอขอบคุณรูปภาพและว๊ดีโอประกอบ
- http://www.foodtravel.tv
- http://www.shutterism.com

-http://www.mythaimenu.com

ต้มแซบกระดูกอ่อน

ส่วนผสม
กระดูกหมูอ่อน   500  กรัม(เอาไปลวกน้ำเดือดๆ 2 รอบ)
มะเขือเทศหั่นเสี้ยว  1 ลูก
หอมแดงบุบพอแตก  6  หัว
ข่าหั่นแว่น  8  แว่น
ตะไคร้  2  ต้น(ทุบพอแหลกแล้วหั่นเป็นท่อน)
ใบกระกูดฉีก  10  ใบ
รากผักชีทุบ  2  ราก
ผักชีฝรั่งหั่นหยาบ    5  ใบ
ต้นหอมหั่นท่อน  2-3  ต้น
น้ำปลา  2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะขามเปียก  2  ช้อนโต๊ะ
พริกป่น  1 ช้อนโต๊ะ(แล้วแต่ชอบ)
น้ำเปล่า  4  ถ้วย
วิธีทำ
 ใส่กระดูกหมู ลวกในน้ำเดือด 2 ครั้ง
เตรียมส่วนผสมอื่นๆก่อนค่ะกันพลาด
ต้มน้ำเปล่าให้เดือดใส่กระดูกหมูที่ลวกแล้วลงไป
พอน้ำเดือดอีกครั้งเบาไฟ และตักฟองออก
เคี่ยวจนกระทั่งน้ำลดลงครึ่งหนึ่ง ใส่ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ทุบ รากผักชี หอมแดง  รอให้น้ำเดือดอีกครั้ง
ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก พริกป่น ชิมรสตามชอบค่ะ
ก่อนปิดไฟใส่มะเขือเทศ ต้นหอม และผักชีฝรั่งลงไป
ตักเสริฟได้เลยค่ะ
รำแต้ๆเจ้า
แถมยั่วน้ำลายอีกรูปค่ะ
อีกสักรูปค่ะ
อีกวันขาหมูเหลือจากทำ ขาหมูเยอรมัน ก็เลยเอามาทำต้มแซบค่ะ แต่คุณแฟนขอว่าอย่าทำเผ็ด ก็เลยออกมาน้ำใสๆค่ะ
แต่ต้มแซบขาหมูนี้ได้เอาใส่เครื่องตุ๋น ตุ๋นไว้ชั่วโมงกว่า หมูออกมานิ่มมากค่ะ อร่อยด้วย
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ

ที่มา http://www.bloggang.com

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

น้ำพริกปลาร้า


เป็นน้ำพริกทำจากปลาร้า สามารถรับประทานร่วมกับผักสด และผักดอง
สิ่งที่ต้องเตรียม

1. น้ำปลาร้า 1 ถ้วย
2. ปลาดุกอุย 200 กรัม
3. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
4. ผักสด เช่น ใบบัวบก ผักแว่น มะเขือพวง
5. ผักดอง เช่น ผักกุ่ม ผักหนาม
6. พริกขี้หนูเผา 10 เม็ด
7. หอมแดงเผา 5 หัว
8. กระเทียมเผา 1 หัว
วิธีทำ
1. ต้มน้ำปลาร้าให้เดือด
2. ล้างปลาดุกให้สะอาด
3. ใส่ปลาดุกลงในหม้อที่ต้ม ต้มปลาจนสุก
4. นำปลาออกจากหม้อ แกะเอาแต่เนื้อปลา
5. โขลกกระเทียม พริก หอม เข้าด้วยกัน จากนั้นใส่เนื้อปลา แล้วโขลกให้เข้ากัน
6. เติมน้ำปลาร้า 2 ช้อนโต๊ะ
7. ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว
8. เมื่อเสร็จแล้ว สามารถนำมารับประทานกับผักดอง และผักสด

ที่มาhttp://น้ําพริก.com

น้ำพริกกะปิ


เป็นน้ำพริกที่ชาวบ้านนิยมมากที่สุด รสเข้มข้น ไม่มีสูตรเฉพาะตัว ตามแต่จะปรุงรสกันไป
สิ่งที่ต้องเตรียม

1. พริกขี้หนูสวน 70 กรัม
2. กะปิห่อใส่ใบตอง 300 กรัม
3. กุ้งแห้งป่น 200 กรัม
4. น้ำตาลปี๊บ 5 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะนาว 8 ช้อนโต๊ะ
7. กระเทียมสดแกะเปลือก 100 กรัม
8. มะเขือเปราะ เอาเมล็ดออก 50 กรัม
9. มะอึก ซอยละเอียด 50 กรัม
วิธีทำ
1. โขลกกะปิกับพริกขี้หนู กระเทียม พอละเอียดแล้ว ใส่กุ้งแห้งป่น โขลกให้เข้ากัน
2. ใส่มะเขือเปราะ มะอึก โขลกเบา ๆ ให้เข้ากัน
3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว อาจะใส่มะขามอ่อน หรือมะม่วงด้วยก็ได้
4. เสร็จแล้ว สามารถนำมารับประทานร่วมกับปลาทอด ปลาทู ผัก ได้

ที่มา http://น้ําพริก.com

ตำขนุน



เครื่องปรุง
ขนุนอ่อน                                                     1   ลูก
พริกแห้ง                                                      5   เม็ด
หอมแดงปอกเปลือก                                  5  หัว
กระเทียมปอกเปลือก                                 1   หัว
ข่าหั่นละเอียด                                             1   ช้อนชา
กะปิ                                                             1/2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศลูกเล็ก (มะเขือส้ม)                   15  ลูก
ใบมะกรูดหั่นฝอย                                      1   ช้อนโต๊ะ
ผักชีหั่นหยาบ                                            2   ช้อนโต๊ะ
กระเทียมเจียว                                            2   ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา                                                         2   ช้อนโต๊ะ
น้ำมัน                                                          1/4  ถ้วย


วิธีทำ
โขลกพริกแห้ง หอม กระเทียม ข่า กะปิ ให้ละเอียด
ต้มขนุนทั้งลูกให้สุก ปอกเปลือก หั่นเป็นแว่นตามขวางให้ได้ 9 แว่น แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปโขลกกับเครื่องน้ำพริกให้เข้ากันดี ใส่มะเขือเทศลงเคล้าให้เข้ากัน
ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน เอาเครื่องที่โขลกลงผัดให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำปลา ตักขึ้นโรยหน้าด้วยใบมะกรูด ผักชี กระเทียมเจียว
รับประทานกับแคบหมู 
หมายเหตุ ขนุนอ่อนที่ใช้ควรเลือกขนุนที่เริ่มมีเกล็ดอ่อน ๆ จึงจะอร่อย
ที่มา http://thaimenu.comyr.com

วันจันทร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

น้ำพริกหนุ่ม

สูตรวิธีการทำน้ำพริกหนุ่ม





เครื่องปรุง
ใช้พริกที่มีสีเขียว เรียกว่าพริกหนุ่ม ประมาณ 8 - 10 เม็ด
หอมแดง                                ประมาณ 3 - 4 หัว
กระเทียม                                ประมาณ 2 - 3 หัว
มะเขือเทศลูกเล็ก                     ประมาณ 2 - 3 ลูก
ต้นหอม ผักชี เกลือป่น

วิธีการปรุง

  1. นำพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม และมะเขือเทศ ไปเผาไฟให้สุกจนหอม แล้วปอกเปลือกออกให้หมด
  2. นำพริก หอม และกระเทียมโขลกเข้ากันให้ละเอียด ใส่มะเขือเทศลงไป โขลกเบาๆ ให้เข้ากัน
  3. เติมรสชาดด้วยเกลือป่น หลังจากนั้นหั่นหอมและผักชีลงไป คนให้เข้ากันก่อนจะนำไปรับประทาน
  4. น้ำพริกหนุ่มนิยมรับประทานกับข้าวเหนียว และแคบหมู

ที่มา http://northern-food.blogspot.com

แกงอ่อม

สูตรวิธีการทำแกงอ่อม

แกงอ่อม
เครื่องปรุง
1.หมูสามชั้น หมูติดมันและเครื่องในตามที่ชอบ  ประมาณ 2-3 ขีด
2.มะเขือเทศลูกเล็ก   ประมาณ 6-7 ลุก
3.น้ำมันพืช
4.ข่า ใบมะกรูด ประมาณ 1 แว่น และ 2-3 ใบ

เครื่องแกง
1.กระเทียม หัวหอม ประมาณ 1 หัว และ 3 หัว
2.พริกแห้งนำไปแช่น้ำ ประมาณ 3-4 เม็ด
3. ตะไคร้หั่น ข่าหั่น
4.เกลลือป่น
5.กะปิ

วิธีการปรุง
โขลกกระเทียม หอมแดง พริกแห้ง ข่า ตะไคร้ และกะปิ รวมกันให้ละเอียด ใส่เกลือป่นเล็กน้อย
หั่นหมู เครื่องใน เตรียมไว้ น้ำพริกแกงไปผัดในน้ำมัน พอหอม ใส่หมูและเครื่องในลงไป ผัดให้เข้ากัน
ใส่น้ำ ข่าหั่น ปรุงรสด้วย น้ำปลา ตามชอบ และผ่ามะเขือเทศใส่ลงไป
ปิดฝาหม้อต้มไว้ให้หมูสุก หมั่นคน พอใกล้เดือดใส่ใบมะกรูดลงไปให้หอม
ตักใส่ถ้วยรับประทานได้
ที่มา http://northern-food.blogspot.com

ไส้อั่ว


สูตรวิธีการทำ ไส้อั่ว



ส่วนผสม
1. ไส้หมูขูด         1   ขีด
2. หมูบด            1.5   กิโลกรัม
3. มันหมูแข็งบด         250   กรัม
4. ใบมะกรูดหั่นฝอย      2   ช้อนโต๊ะ
5. ขมิ้นผง            1   ช้อนชา
6. ไข่ไก่            1   ฟอง
7. ต้นหอม ผักชีหั่นฝอย      2   ช้อนโต๊ะ
8. พริกแกง         3   ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลาดี         1   ช้อนชา
10. ผงชูรส            1/2   ช้อนชา



ส่วนผสมพริกแกง
1. พริกแห้ง         15   เม็ด
2. กระเทียม         15   กลีบ
3. หอมแดง         10   หัว
4. ข่า            2   ช้อนโต๊ะ
5. ตะไคร้            2   ช้อนโต๊ะ
6. กะปิดี            1/2   ช้อนโต๊ะ
7. รากผักชี            1   ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ
1. ผสมหมูบดกับพริกแกงให้เข้ากัน เติมมันหมูแข็ง ใบมะกรูดหั่นฝอย ขมิ้นผงไข่ไก่ ต้นหอม ผักชีหั่นฝอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. นำไปยัดใส่ในไส้หมูให้แน่น
3. ไล่อากาศออกให้หมด
4. ใช้เชือกมัดหัวท้าย
5. นำไปทอดหรือย่าง ก่อนทอดหรือย่างลวกน้ำร้อนก่อน


ที่มา http://northern-food.blogspot.com

น้ำพริกอ่อง

สูตรการทำน้ำพริกอ่อง



เครื่องปรุง
หมูสับละเอียด........ 3 ช้อนโต๊ะ
พริกแห้งปิ้ง ...........7 เม็ด
หอมแดงซอย........ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม ..............1 หัว
กะปิ .....................2 ช้อนชา
เกลือ ...................1 ช้อนชา
มะเขือเทศซอย.... 2 ถ้วย
น้ำมันพืช ..............3 ช้อนโต๊ะ
น้ำซุป................... ½ ถ้วย
กระเทียม .............1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.โขลกพริกแห้ง เกลือ กระเทียม หอมแดง กะปิ ให้ละเอียด
2.ใส่น้ำมันพอร้อนใส่น้ำพริกลงผัดแล้วใส่หมูสับ มะเขือเทศ น้ำซุป จากนั้นผัดให้แห้งเป็นน้ำขลุกขลิก
 
ที่มา http://northern-food.blogspot.com

แกงแคไก่

สูตรการทำแกงแคไก่



เครื่องปรุง
ไก่เอาแต่เนื้อ .......1ตัว
น้ำมันพืช............. 2ช้อนโต๊ะ
ผักตำลึง............... 2ถ้วย
ยอดมะพร้าวอ่อนซอย.. 1ถ้วย
ผักเผ็ด ................1ถ้วย
ชะอม................ 1/2 ถ้วย
ถั่วพู ....................1/2 ถ้วย
ถั่วผักยาว .............1/2 ถ้วย
มะเขือพวง ............1/2 ถ้วย
มะเขือกรอบ............1/2 ถ้วย
ใบชะพลู (หั่นหยาบ).. 1/2 ถ้วย
ผักชีฝรั่ง (หั่นหยาบ).. 1/2 ถ้วย
ผักขี้หูด.........1/2 ถ้วย
เห็ดลม (หั่นหยาบ.)... 1/4 ถ้วย
                                                                                    น้ำซุป

เครื่องแกง
พริกแห้ง .............7 เม็ด
ข่าหั่นละเอียด....1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ ...............2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง............. 6 หัว
กระเทียม ............2 หัว
กะปิ.................... 1 ช้อนโต๊ะ
รากผักชี (ซอยละเอียด) 1 ช้อนชา
ปลาร้าสับ (ปลาช่อนไม่เอาก้าง) 2

วิธีทำ
1.โขกเครื่องแกงทั้งหมดให้ละเอียด
2.เนื้อไก่หั่นเป็นชิ้น 1x1 นิ้ว
3.กระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืช พอร้อนใส่เครื่องแกง ผัดให้หอม
4.ใส่ไก่ลงไปผัดจนไก่นุ่ม ใส่น้ำซุป
5.ใส่ผัก พอสุก ยกลงถ้าอ่อนเค็มเติมเกลือ
 
ที่มา http://northern-food.blogspot.com

วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

น้ำตกเนื้อ



สูตรอาหารอีสาน - น้ำตกเนื้อ
ส่วนผสม น้ำตกเนื้อ
เนื้อวัวติดมันพอสมควร ½ กก.
ข้าวคั่วป่น 5 ช้อนโต๊ะ
หัวหอมแดงซอย 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลาดี 4 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 5 ช้อนโต๊ะ
ใบสะระแหน่เด็ดเป็นใบๆ 1 ถ้วย
ยอดผักบุ้งนา ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ไว้กินเป็นผักแกล้ม
วิธีทำน้ำตกเนื้อ
1. แล่เนื้อวัวติดมันเป็นแผ่นหนาประมาณ 1 ซม. จัดการย่างบนเตาถ่านด้วยไฟอ่อนๆ จนสุกทั่วถึงกันดี
2. เอาเนื้อวัวที่ย่างแล้วมาหั่นแฉลบๆ เป็นชิ้นบางๆ ให้ดูน่ากินแล้วเอาไปใส่หม้อใบเล็กหรือกะละมังเล็กๆ ก็ได้เพื่อผสมกับเครื่องปรุงต่างๆ
3. ก่อนอื่นก็โรยหัวหอมแดงซอยลงไปก่อนใส่ข้าวคั่วลงไปอีก คลุกเคล้าให้เข้ากันทั้งหมด ใส่พริกขี้หนูคั่วป่นลงไป ใส่น้ำปลาดีอีก แล้วตามด้วยน้ำมะนาวที่เตรียมเอาไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากันพอสมควร

ที่มาwww.lonleam.com

ลาบอีสาน

 




ส่วนผสม


  • หมูสับ 350 กรัม
  • น้ำซุปไก่ หรือน้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
  • ใบสะระแหน่หั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีหั่นหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงหั่นบาง ½ ถ้วยตวง
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาล ½ ช้อนชา
  • ผักสดสำหรับแกล้ม เช่น กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือ แตงกวา


วิธีทำ
1. ต้มน้ำซุปไก่หรือน้ำเปล่าในหม้อใบเล็ก เมื่อน้ำเดือดได้ที่ให้ใส่หมูสับและต้มต่อไปอีก 2 นาที ระหว่างต้มให้ใช้ทัพพีเขี่ยให้หมูแยกออกจากกัน เมื่อหมูสุกดีแล้วจึงปิดไฟ และเทน้ำออก



2. นำหมูที่สุกแล้วไปใส่ในชามขนาดกลาง เติมหอมแดง, ต้นหอม, ผักชี และใบสาระแหน่ (เหลือนิดหน่อยไว้แต่งหน้า) ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, ข้าวคั่ว, พริกป่นและน้ำตาล คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ชิมดูรสชาติตามใจชอบ ถ้าขาดเหลืออะไรให้ใส่เพิ่มเติมลงไป
3. ตักใส่จาน แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว หรือแตงกวา) โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่ เสริ์ฟพร้อมข้าวเหนียว (หรือข้าวสวย) ร้อนๆ


หมายเหตุ : สำหรับบางคนที่นิยมรับประทานเครื่องในหมู สามารถนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำลาบหมูได้ด้วย โดยให้นำเครื่องในมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ และลวกให้สุกก่อนที่จะนำมาผสมรวมกับเครื่องปรุงในการทำลาบหมูต่างๆ

ที่มาhttp://lap-east.blogspot.com

ลาบหมู (ลาบเมือง)

ก่อนหน้านี้ได้นำเสนอเมนูลาบประเภทต่างๆ กันไป มาคราวนี้ถึงคราวของลาบทางภาคเหนือกันบ้าง ส่วนผสมและวิธีทำมีดังต่อไปนี้

ส่วนผสม
  • เนื้อวัวหรือเนื้อควายสับ 300 กรัม
  • เครื่องในเช่น ตับ ไส้อ่อน ฯลฯ 150 กรัม
  • เลือดสด 1/2 ถ้วยตวง
  • น้ำพริกลาบ 4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักไผ่ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอม ผักชีซอยรวมกัน 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผักสดที่ใช้เป็นเครื่องเคียง เช่น ถั่วฝักยาว ผักชีฝรั่ง มะเขือเปราะ ผักไผ่ ฯลฯ

หมายเหตุ : อาจจะใช้เนื้อหมูในการทำลาบชนิดนี้ แล้วแต่ความสะดวก และความถูกปากของแต่ละบุคคล ดังนั้นเลือดสดและเครื่องในที่ใช้ก็จะเป็นที่ได้จากหมูเช่นกัน นอกจากนี้ลาบเมืองเหนือนั้น จะนิยมใส่เลือดเล็กน้อยลงไปสับพร้อมกับเนื้อ ซึ่งถือว่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยจะช่วยให้เนื้อไม่กระเด็นออกนอกเขียงในขณะที่สับ

วิธีทำ
1.หั่นเครื่องในต่างๆ เป็นชิ้นพอคำ ตั้งหม้อใส่น้ำ และต้มด้วยไฟปานกลางจนน้ำเดือด พอน้ำเริ่ม เดือดได้ที่ให้ใส่เครื่องในที่หั่นเตรียมไว้ลงไปลวกให้พอสุก (วิธีสังเกตดูว่าสีของเครื่องในว่าสุกหรือไม่ ให้ดูว่าอย่าให้มีสีแดงหรือสีชมพูเป็นใช้ได้ แต่อย่าต้มให้นานเกินไป) หลังจากนั้นปิดไฟ และตักขึ้นพักไว้


2.เตรียมอ่างหนึ่งใบสำหรับผสมลาบ นำเนื้อวัวหรือเนื้อควายสับ น้ำพริกลาบ เครื่องในลวกใส่ลงไปในอ่างที่เตรียมไว้ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ใส่เลือดสดลงไป ตามด้วยน้ำปลา คนให้เข้ากัน จากนั้นตามด้วยผักไผ่, ต้นหอม, ผักชี และผักชีฝรั่ง คนอีกครั้งแล้วชิมรส หากไม่เค็มให้เติมน้ำปลา
3.ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามที่กล่าวไปข้างต้น
 
หมายเหตุ : ลาบคั่ว เป็นการนำลาบดิบที่ได้ไปทำให้สุก ซึ่งจะเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่นิยมรับประทานดิบเป็นส่วนใหญ่ วิธีทำก็โดยการนำกระทะไปตั้งที่ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย รอให้กระทะร้อนได้ที่ จากนั้นนำลาบที่ปรุงเสร็จแล้วไปคั่วให้สุกในกระทะน้ำมันที่ร้อน ใช้เวลาประมาณ 5-7 นาที บางที่นิยมโรยหน้าลาบคั่วด้วยหอมเจียว ก็จะทำให้รสชาติที่ได้อร่อยไปอีกแบบ


ที่มาwww.awesomethaifood.com